วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552

การเพาะเลี้ยงไส้เดือน(พันธุ์ของไส้เดือน)




การเพาะเลี้ยงไส้เดือน (พันธุ์ของไส้เดือน)
เรามาเริ่มกันต่อว่าแล้วจะเพาะเลี้ยงไส้เดือนพันธุ์ไหนขุดเอาแถวบ้านมาใช้ได้เลยหรือไม่?

ปัจจุบันพันธุ์ไส้เดือนที่นิยมใน การเพาะเลี้ยงไส้เดือน มีอยู่ 3 สายพันธุ์
1. ฟีเรททิมา พีกัวนา ( Pheretima peguana )
ชื่อท้องถิ่น ขี้ตาแร่
ไส้เดือนดินสายพันธุ์ ฟีเรททิมา พีกัวนา เป็นไส้เดือนดินสีแดงที่มีลำตัวกลมขนาดปานกลาง โดยมีขนาดใกล้เคียงกับใส้เดือนสายพันธุ์ แอฟริกัน ไนท์ครอเลอร์
ไส้เดือนดินสายพันธุ์ ฟีเรททิมา พีกัวนา เป็นไส้เดือนดินสีแดงที่พบได้ทั่วไปในแถบเอเซีย ซึ่งในประเทศไทยก็พบเช่นกัน ไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้เป็นไส้เดือนดิน ที่มีลำตัวขนาดกลาง อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอินทรียวัตถุมาก เช่นใต้กองปุ๋ยหมัก ใต้กองมูลวัวในโรงเลี้ยงวัวนม ใต้เศษหญ้าที่ตัดทิ้ง โดยจะอาศัยอยู่บริเวณผิวดินไม่ขุดรูอยู่ในดินที่ลึกเหมือนกับไส้เดือนพันธุ์สีเทา ที่จะอาศัยอยู่ในสวนผลไม้ หรืออยู่ในชั้นดินที่ลึกลงไป ไส้เดือนพันธุ์นี้โดยทั่วไปในภาคเหนือ เรียกว่า “ขี้ตาแร่” ซึ่งชาวบ้านมักใช้เป็นเหยื่อตกปลา ลักษณะพิเศษของไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้ คือมีความตื่นตัวสูงมาก เมื่อถูกจับตัวจะดิ้นอย่างรุนแรงและเคลื่อนที่หนีเร็วมาก นอกจากนี้การนำไปใช้กำจัดขยะอินทรีย์ พบว่าไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้สามารถกินขยะอินทรีย์จำพวกเศษผัก ผลไม้ หมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งจาการทดลองนำไส้เดือนสายพันธุ์ ขี้ตาแร่ มากำจัดขยะ จะถูกย่อยหมดภายใน 2-3 วัน นอกจากไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้กินอาหรแก่งแล้วยังสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

2. ยูดริลลัส ยูจีนิแอ ( Eudrilus eugeniae )
ชื่อสามัญ African Night Crawler

ไส้เดือนดินสายพันธุ์ African Night Crawler มีขนาดลำตัวค่อนข้างใหญ่ สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและไต่ขึ้นขอบบ่อได้เก่งมาก มีการเลี้ยงไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้กันอย่างกว้างขวาง ไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้มีความเหมาะสมมากในการนำมาผลิตเป็นโปรตีนสำหรับเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีขนาดใหญ่และมีอัตราการแพร่พันธุ์สูงมากแต่มีข้อเสียตรงที่ไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยทนทานต่ออุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมเลี้ยงยากและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ยากด้วยสำหรับในด้านการนำมาใช้จัดการขยะพบว่า ไส้เดือนสายพันธุ์มีความสามารถในการย่อยสลายขยะในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว เป็นไส้เดือนดินสายพันธุ์ในเขตร้อน ซึ่งจะชอบอุณหภูมิที่ค่อนข้างร้อน โดยจะเจริญเติบโตได้ไม่ดีในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 16 องศาเซลเซียส และจะตายในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียล ดังนั้นการเลี้ยงไส้เดือนดินสายพันธุ์นี้ในประเทศไทยเขตหนาวจะถูกจำกัดการเลี้ยงเฉพาะภายในโรงเรือนที่มีการควบคุมอุณหภูมิในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นถึงจะเลี้ยงได้ สำหรับการเลี้ยงแบบภายนอกโรงเรือน จะเหมาสมกับเฉพาะพื้นที่ในเขตร้อนหรือกึ่งร้อนเท่านั้น

3. อายซิเนีย ฟูทิดา ( Eisenia foetida )
ชื่อสามัญ The Tiger worm , Manure Worm , Compost Worm

ไส้เดือนดินสายพันธุ์ อายซิเนีย ฟูทิดา เป็นไส้เดือนสีแดงที่มีลำตัวกลม ขนาดเล็ก ลำตัวมีสีแดงสด เห็นปล้องแต่ละปล้องแบ่งอย่างชัดเจน สามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วและมีกลิ่นตัวที่รุนแรง ประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา นิยมนำไปเป็นเหยื่อตกปลา และมีความสามารถในการกำกัดขยะในครัวเรือนได้เร็วมากชนิดหนึ่ง

จุดเด่นจุดด้อยของแต่ละสายพันธุ์
1. ขี้ตาแร่ เป็นสายพันธุ์พื้นบ้านของไทย สามารถย่อยขยะได้เร็วที่สุดของไทย แต่ยังกินได้ช้ากว่า AF ไทเกอร์ และบลูอยู่ 2-3เท่า การขยายพันธุ์ช้า
2. AF สายพันธุ์ต่างประเทศ กินอาหารได้รวดเร็ว ขยายพันธุ์ไว สามารถแยกตัวได้ง่ายเพราะมีขนาดใหญ่
3. ไทเกอร์ สายพันธุ์ต่างประเทศ กินอาหารเร็วที่สุด ขยายพันธุ์ไว สามารถเก็บเกี่ยวตัวได้ไม่ยากนัก แต่มีขนาดสั้น และยังมีราคาที่แพงเกินไป
4. ไส้เดือนสีน้ำเงิน กินอาหารได้ไวพอสมควร ขยายพันธุ์ไวพอกับไส้เดือนสายพันธุ์ AF แต่เก็บเกี่ยวตัวได้ยากเนื่องจากตัวมีลักษณะผอม
จะเห็นว่าสายพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดใน การเพาะเลี้ยงไส้เดือน เพื่อกำจัดขยะ และผลิตปุ๋ยเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว คือ สายพันธุ์ AF เนื่องจากมีขนาดตัวที่ใหญ่ กินอาหารรวดเร็ว ขยายพันธุ์ไว มีราคาที่เหมาะสม
แต่หากจะเพาะเลี้ยงเพื่อกำจัดขยะในครัวเรือนโดยไม่คิดถึงเรื่องรายได้เสริม สายพันธุ์ไส้เดือนสีน้ำเงินก็น่าสนใจเนื่องจากราคาจะถูกกว่าสายพันธุ์AF

ง่วงอีกแล้ว.....ไว้วันหลังมาว่ากันต่อเรื่อง ภาชนะใน การเพาะเลี้ยงไส้เดือน ดีกว่า

อย่าลืมแนะนำให้คนรู้จักรู้ถึงประโยชน์ของ การเพาะเลี้ยงไส้เดือน กันด้วยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: